Site Logotype
Haircare

สุขภาพผมไม่ดี… หรือแค่ใจเราไม่ไหว? ฟื้นฟูผมเสียจากภายใน

เคยไหมที่รู้สึกว่าในช่วงเวลาที่ตึงเครียด วิตกกังวล หรือเศร้าหมองเป็นพิเศษ เส้นผมของคุณดูเหมือนจะพร้อมใจกันหลุดร่วง แห้งกร้าน และไร้ชีวิตชีวาอย่างเห็นได้ชัด? ความรู้สึกนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นสัญญาณที่ชัดเจนจากร่างกายว่า “สุขภาพใจ” และ “สุขภาพผม” นั้นเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้งเกินกว่าที่เราคิด การ “ฟื้นฟูผมเสียจากภายใน” จึงสำคัญทั้งต่อจิตใจและร่างกาย

วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ได้พิสูจน์แล้วว่าสภาวะทางอารมณ์ที่แตกต่างกันสามารถส่งผลกระทบต่อร่างกายในรูปแบบที่ไม่เหมือนกัน และเส้นผมของเราก็เป็นหนึ่งในส่วนที่สะท้อนสภาวะเหล่านั้นออกมาได้อย่างชัดเจนที่สุด ลองมาเช็กกันดูสิว่า อารมณ์ที่คุณกำลังเผชิญอยู่ อาจเป็นต้นตอของปัญหาผมแบบไหน

กลไกเบื้องหลัง: เมื่อ “ใจ” สั่งให้ “ผม” ป่วย

ก่อนจะไปดูผลลัพธ์ เราต้องเข้าใจกลไกสำคัญที่เชื่อมทุกอย่างเข้าด้วยกัน นั่นคือ “ฮอร์โมนความเครียด

เมื่อเราเผชิญกับสภาวะอารมณ์เชิงลบอย่างรุนแรง ร่างกายจะเข้าสู่ “โหมดเอาตัวรอด” และหลั่งฮอร์โมน คอร์ติซอล (Cortisol) ออกมาในปริมาณสูง ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้จะส่งสัญญาณรบกวนวงจรชีวิตของเส้นผมโดยตรง ทำให้รากผมอ่อนแอลง ได้รับสารอาหารน้อยลง และเกิดการอักเสบได้ง่ายขึ้น เมื่อเข้าใจกลไกนี้แล้ว เรามาดูกันว่าอารมณ์แต่ละรูปแบบจะแสดงผลลัพธ์ที่แตกต่างกันบนเส้นผมของเราได้อย่างไร

ความเครียด และ ความกังวล: ศัตรูตัวฉกาจที่ทำให้ผมร่วงเป็นกำ

นี่คืออารมณ์ที่ส่งผลกระทบต่อเส้นผมรุนแรงและเห็นได้ชัดที่สุด เมื่อคุณรู้สึกเครียดสะสม วิตกกังวลกับเรื่องต่างๆ ตลอดเวลา ร่างกายจะเข้าสู่ “โหมดเอาตัวรอด” และดึงสารอาหารจากการบำรุงส่วนที่ไม่จำเป็น (อย่างเส้นผมและเล็บ) ไปใช้กับส่วนที่สำคัญกว่าแทน

  • สัญญาณบนเส้นผม:
    • ภาวะผมร่วงเฉียบพลัน (Telogen Effluvium): นี่คือผลกระทบที่พบบ่อยที่สุด ฮอร์โมนคอร์ติซอลจะผลักให้เส้นผมจำนวนมากเข้าสู่ระยะพักพร้อมๆ กัน และหลังจากนั้นประมาณ 2-3 เดือน เส้นผมเหล่านั้นจะหลุดร่วงออกมาอย่างน่าตกใจ คุณจะสังเกตเห็นผมร่วงเป็นกำขณะสระผม หวีผม หรือแม้แต่บนหมอนตอนตื่นนอน นี่แหล่ะ คือที่มาของผมร่วงจากความเครียด
    • ผมหงอกก่อนวัย: ความเครียดเรื้อรังสามารถทำลายสเต็มเซลล์ที่สร้างเม็ดสี (Melanocyte Stem Cells) ในรากผม ทำให้ผมที่ขึ้นใหม่กลายเป็นสีขาวหรือสีเทา
    • เส้นผมอ่อนแอ: ผมที่ยังอยู่บนศีรษะก็จะเส้นเล็กลง เปราะขาดง่ายขึ้น

ความเศร้า และ ความเหนื่อยล้า: เมื่อใจหมดแรง…ผมก็หมดไฟ

เคยไหมที่รู้สึกเศร้า หมดหวัง หรือเหนื่อยล้าสะสมจากภาวะหมดไฟ (Burnout) จนไม่อยากทำอะไร พลังงานในร่างกายที่ลดลงส่งผลโดยตรงต่อ “ความมีชีวิตชีวา” ของเส้นผม การไหลเวียนของเลือดช้าลง การผลิตน้ำมันตามธรรมชาติไม่สมดุล ทำให้เส้นผมขาดการบำรุงที่จำเป็น

  • สัญญาณบนเส้นผม:
    • ผมแห้งกร้าน ไร้ความเงางาม: เกล็ดผม (Cuticle) ที่ไม่แข็งแรงและไม่เรียบสนิท จะไม่สามารถสะท้อนแสงได้ดี ทำให้เส้นผมดูหมองคล้ำและไร้ชีวิตชีวา
    • ผมแห้งกร้านและเปราะบาง: เมื่อรากผมได้รับสารอาหารและความชุ่มชื้นไม่เพียงพอ เส้นผมจะขาดความยืดหยุ่น ทำให้แห้ง สัมผัสแล้วสากมือ และเปราะขาดง่าย
    • ไร้วอลลุ่ม และ ลีบแบน: พลังงานที่ไม่เพียงพอส่งผลให้โครงสร้างโปรเตีนเคราตินของเส้นผมอ่อนแอลง ทำให้ผมดู “หมดแรง” และไม่สปริงตัวสวยงาม ไม่มีน้ำหนัก

ความโกรธ และ ความหงุดหงิด: เปลวไฟในใจที่ทำร้ายหนังศีรษะ

อารมณ์โกรธ ความฉุนเฉียว หรือความหงุดหงิดง่าย ทำให้ร่างกายหลั่งสารสื่อประสาทและฮอร์โมนที่กระตุ้นให้เกิด “การอักเสบ” ทั่วร่างกาย ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อสภาพแวดล้อมบนหนังศีรษะ ซึ่งเปรียบเสมือนผืนดินของเส้นผม

  • สัญญาณบนเส้นผมและหนังศีรษะ:
    • หนังศีรษะอักเสบและระคายเคือง: การอักเสบทำให้หนังศีรษะอ่อนแอลง เกิดอาการคัน แดง หรือแม้กระทั่งเป็นสิวได้ง่ายขึ้น
    • หนังศีรษะมันผิดปกติ: ความร้อนและการอักเสบสามารถกระตุ้นให้ต่อมไขมันทำงานหนักเกินไป ทำให้หนังศีรษะและโคนผมมันเยิ้ม
    • อาจกระตุ้นให้เกิดรังแค: สภาพหนังศีรษะที่ไม่สมดุลและอักเสบ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เชื้อราที่ก่อให้เกิดรังแคเจริญเติบโตได้ดี

ความหมกมุ่น การย้ำทำ และ ภาวะซึมเศร้า: เมื่อจิตใจสั่งให้ “มือ” ทำร้ายผม

นอกจากการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนและชีวเคมีภายในร่างกายแล้ว สภาวะทางจิตใจที่ซับซ้อนยังสามารถกระตุ้นให้เกิด “พฤติกรรม” ที่ทำร้ายเส้นผมและหนังศีรษะได้โดยตรง ซึ่งเป็นกลไกที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

  • สิ่งที่เกิดขึ้นจากสภาวะจิตใจเหล่านี้:
    • โรคดึงผม (Trichotillomania): นี่คือภาวะทางจิตเวชที่ผู้ป่วยมีความต้องการอย่างรุนแรงที่จะดึงผมของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นผมบนศีรษะ ขนคิ้ว หรือขนตา พฤติกรรมนี้มักเกิดขึ้นเมื่อรู้สึกเครียด เบื่อ หรือวิตกกังวล และการดึงผมจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายหรือพึงพอใจชั่วขณะ ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ ผมร่วงเป็นหย่อมๆ อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งแตกต่างจากผมร่วงแบบกระจายตัวของ Telogen Effluvium และหากทำต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจทำให้รากผมเสียหายถาวรได้
    • การละเลยการดูแลตัวเอง (Self-Neglect) จากภาวะซึมเศร้า: ในภาวะซึมเศร้าหรือภาวะหมดไฟอย่างรุนแรง ผู้ป่วยมักสูญเสียพลังงานและความสนใจในการทำกิจกรรมต่างๆ รวมถึงการดูแลสุขอนามัยของตัวเอง การไม่สระผม ไม่หวีผม หรือไม่ดูแลเส้นผมเป็นเวลานาน จะนำไปสู่ปัญหาต่างๆ เช่น หนังศีรษะมันและอุดตันอย่างรุนแรง สิ่งสกปรกและผลิตภัณฑ์สะสม ผมพันกันจนเป็นก้อน (Matted Hair) และอาจเกิดการติดเชื้อที่หนังศีรษะได้ ความเสียหายประเภทนี้ไม่ได้เกิดจากฮอร์โมน แต่เกิดจากการ “ละเลย” ที่มีต้นตอมาจากสภาวะจิตใจโดยตรง

เมื่อ “ความสุข” กลายเป็นอาหารผมที่ดีที่สุด

จนถึงตอนนี้ เราได้เห็นแล้วว่าอารมณ์เชิงลบส่งผลร้ายต่อเส้นผมได้อย่างไร แต่ในทางกลับกัน อารมณ์เชิงบวกก็มีพลังในการบำรุงและเป็นการ ฟื้นฟูผมเสียจากภายใน ได้เช่นกัน การดูแลเส้นผมหรือการดูแลผมร่วงจากความเครียดจึงไม่ใช่แค่การหลีกเลี่ยงความเครียด แต่ยังรวมถึงการสร้างเสริมความสุขและความรู้สึกดีๆ ให้กับชีวิตด้วย

  • สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคุณมีความสุข ผ่อนคลาย และรู้สึกดี:
    • การปรับสมดุลฮอร์โมน (Hormonal Rebalancing): เมื่อเรารู้สึกมีความสุขหรือผ่อนคลาย สมองจะหลั่ง “ฮอร์โมนแห่งความสุข” เช่น เซโรโทนิน (Serotonin) และ เอ็นดอร์ฟิน (Endorphins) ออกมา ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้ทำหน้าที่เปรียบเสมือน “ยาถอนพิษ” ของคอร์ติซอลโดยตรง มันช่วยลดระดับฮอร์โมนความเครียดในร่างกาย ทำให้วงจรการเติบโตของเส้นผมกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และลดการอักเสบในร่างกาย
    • การกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต (Stimulating Blood Circulation): ความรู้สึกผ่อนคลายช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว ทำให้เลือดสามารถไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดีขึ้น รวมถึงหนังศีรษะด้วย เมื่อรากผมได้รับออกซิเจนและสารอาหารอย่างเต็มที่ ก็จะส่งผลให้เส้นผมที่งอกใหม่มีความแข็งแรงและสุขภาพดี
    • พฤติกรรมการดูแลตัวเองที่ดีขึ้น (Improved Self-Care Behaviors): โดยธรรมชาติแล้ว เมื่อเรามีสภาพจิตใจที่ดี เรามักจะมีแนวโน้มที่จะดูแลตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ การนอนหลับพักผ่อนอย่างมีคุณภาพ หรือการมีพลังงานที่จะทำกิจกรรมที่ชอบ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ล้วนส่งผลดีต่อสุขภาพเส้นผมโดยตรง

ดังนั้น การสร้างความสุขในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการหัวเราะ, การใช้เวลากับคนที่รัก การทำงานอดิเรก หรือการออกกำลังกาย จึงไม่ใช่แค่การดูแลจิตใจ แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่อ “อาหารผม” ที่ดีที่สุดจากภายในสู่ภายนอก

เส้นผมคือกระจกสะท้อนสุขภาพใจ การ ฟื้นฟูผมเสียจากภายใน จึงสำคัญ

การทำความเข้าใจความเชื่อมโยงนี้เป็นก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการดูแลเส้นผมอย่างยั่งยืน เมื่อคุณเผชิญกับปัญหาผมอย่างไม่ทราบสาเหตุ ลองหันกลับมาสำรวจสภาวะจิตใจของตัวเอง เพราะบางครั้งทางออกที่ดีที่สุดอาจไม่ใช่การเปลี่ยนแชมพู แต่คือการหันมาดูแลและปลอบโยนจิตใจของเราเอง การจัดการความเครียด การพักผ่อนให้เพียงพอ และการใส่ใจในอารมณ์ ไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณมีจิตใจที่สงบสุข แต่ยังเป็นการมอบของขวัญที่ดีที่สุดให้กับเส้นผมที่แข็งแรงและสวยงามของคุณอีกด้วย


แหล่งอ้างอิง

  • Asghar, F., Shamim, N., Farooque, U., Sheikh, H., & Aqeel, R. (2020). Telogen Effluvium: A Review of the Literature. Cureus.
  • Zhang, B., Ma, S., Rachmin, I. et al. (2020). Hyperactivation of sympathetic nerves drives depletion of melanocyte stem cells. Nature. doi: 10.1038/s41586-020-1935-3
  • Jafferany M. (2007). Psychodermatology: a guide to understanding common psychocutaneous disorders. Primary care companion to the Journal of clinical psychiatry. 
  • National Institute of Mental Health (NIMH). Trichotillomania (Hair-Pulling Disorder). https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK493186/ 
  • Lauder, W., Mummery, K., Jones, M., & Caperchione, C. (2006). A comparison of health behaviours in lonely and non-lonely populations. Psychology, health & medicine. doi: 10.1080/13548500500266607
  • Steptoe, A., Wardle, J., & Marmot, M. (2005). Positive affect and health-related neuroendocrine, cardiovascular, and inflammatory processes. Proceedings of the National Academy of Sciences of the United States of America. doi: 10.1073/pnas.0409174102

Share