ผมยืด (หรือผมตรงด้วยเคมี) เป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เพราะช่วยเพิ่มความเรียบสวยและลดปัญหาผมหยิกฟู แต่หลังการยืด ผมมักเผชิญปัญหาแห้ง แตกปลาย หรือคืนหยิก ความท้าทายคือจะดูแลอย่างไรให้ผมยืดนั้น อยู่ทรง เงางาม และสุขภาพดี ไปนาน ๆ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกลไกเบื้องหลังการยืดผม พร้อม วิธีดูแลผมยืด ที่ถูกต้องค่ะ
🔬 The Science Behind It – ทำไมยืดผมแล้วผมถึงตรง?
เส้นผมส่วนใหญ่ประกอบด้วยโปรตีนเคราติน (Keratin) ซึ่งมีพันธะเคมีภายในที่ช่วยกำหนดรูปร่างของผม ได้แก่ พันธะไฮโดรเจน พันธะเกลือ และพันธะไดซัลไฟด์
รูปทรงของเส้นผมเรา ไม่ว่าจะเป็นผมตรง ผมหยักศก หรือผมหยิก ถูกกำหนดโดยพันธะเคมีที่แข็งแรงที่สุดในเส้นผมที่ชื่อว่า “พันธะไดซัลไฟด์” (Disulfide Bonds) พันธะนี้ทำหน้าที่ยึดเหนี่ยวเส้นใยโปรตีนเคราตินในแกนผมไว้ด้วยกัน เปรียบเสมือน “พิมพ์เขียว” ที่กำหนดรูปทรงถาวรของเส้นผมคุณ
- การทำลายพันธะ (Breaking the Bonds): น้ำยายืดผม (มักมีสารประกอบ Thioglycolate ที่มีฤทธิ์เป็นด่าง) จะซึมลึกเข้าไปในแกนผมและทำหน้าที่ “ทำลายและคลาย” พันธะไดซัลไฟด์เหล่านี้ ทำให้โครงสร้างผมอ่อนตัวลงและสูญเสียรูปทรงเดิมไปชั่วคราว
- การจัดเรียงโครงสร้างใหม่ (Reshaping): ช่างทำผมจะใช้ความร้อนสูงจากที่หนีบผม ค่อยๆ รีดเส้นผมของคุณให้ตรง การกระทำนี้คือการ “จัดเรียง” โครงสร้างโปรตีนเคราตินที่อ่อนตัวลงให้อยู่ในรูปแบบเส้นตรงตามต้องการ
- การล็อคโครงสร้าง (Locking the Bonds): น้ำยาโกรกผม (Neutralizer ซึ่งมักมีสาร Hydrogen Peroxide) จะถูกทาลงบนเส้นผมเพื่อ “สร้างพันธะไดซัลไฟด์ขึ้นมาใหม่” ในตำแหน่งที่ถูกจัดเรียงไว้ใหม่นี้ เปรียบเสมือนการสร้างพิมพ์เขียวใหม่ที่กำหนดให้ผมของคุณต้อง “ตรง” อย่างถาวร
กระบวนการนี้ทำให้ผมตรงสวยได้ก็จริง แต่มันคือการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเส้นผมในระดับโมเลกุล ทำให้เส้นผมเปราะบางและต้องการการดูแลเป็นพิเศษเพื่อฟื้นฟูความแข็งแรงและความชุ่มชื้นที่เสียไป
The Golden Rules – กฎเหล็ก 72 ชั่วโมงแรก…ห้ามทำอะไรบ้าง?
ช่วง 3 วันแรกหลังยืดผมคือช่วงที่ “เปราะบางที่สุด” เพราะพันธะไดซัลไฟด์ที่สร้างขึ้นใหม่ยังไม่แข็งแรงเต็มที่ การดูแลในช่วงนี้จะชี้ชะตาว่าผมของคุณจะตรงสวยไปได้นานแค่ไหน
- ห้ามผมโดนน้ำ: ห้ามสระผมหรือปล่อยให้ผมเปียก เพราะน้ำจะเข้าไปรบกวนกระบวนการเซ็ตตัวของพันธะใหม่ ทำให้ผมอาจกลับมาหยิกหรือชี้ฟูได้
- ห้ามมัด รวบ ติดกิ๊บ หรือทัดหู: การกระทำใดๆ ที่ทำให้ผมเกิดรอยพับหรือรอยหักในช่วงนี้ อาจทิ้งรอยถาวรไว้บนโครงสร้างใหม่ของเส้นผมได้
- ห้ามใช้ความร้อนทุกชนิด: งดการใช้ไดร์ร้อน ที่หนีบผม หรือที่ม้วนผมโดยเด็ดขาด เพราะเส้นผมกำลังอ่อนแออย่างมาก
- นอนอย่างระมัดระวัง: พยายามนอนหงายและจัดเรียงเส้นผมให้ทิ้งตัวตรงที่สุด เพื่อป้องกันผมหักงอระหว่างการนอน
Notes: บางร้านจะแนะนำให้ระวังห้ามผมโดนน้ำแค่ช่วง 48 ชั่วโมง (2 วัน) หลังทำเท่านั้น ไม่ต้องถึง 72 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีน้ำยา สภาพเส้นผม และความเชี่ยวชาญของช่าง ดังนั้นระยะเวลาที่ควรเว้นการโดนน้ำนั้น ให้ยึดคำแนะนำของช่างทำผมที่ทำให้เราเป็นหลัก แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ไม่แน่ใจ ให้เลือก 72 ชั่วโมงเสมอ

Haircare Routine สำหรับผมยืดที่ควรทำประจำ
🧴 เลือกแชมพูแบบอ่อนโยน
- ใช้สูตร Sulfate-free (SLS/SLES) เพื่อหลีกเลี่ยงการทำลายเกล็ดผม
- ใช้น้ำอุณหภูมิห้อง ไม่ควรใช้น้ำร้อน เพราะอาจลอกเกล็ดผม
- ไม่แนะนำให้สระผมทุกวัน ควรให้ผมมีเวลาฟื้นตัว
💧 ครีมนวดและทรีตเมนต์คือเพื่อนซี้
- หลังสระผมควรใช้ครีมนวดทุกครั้ง
- นวดหนังศีรษะเบา ๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด
- ใช้มาสก์หรือทรีตเมนต์สูตรเคราตินหรือโปรตีน ที่ช่วยเติมโซ่เคราตินที่ขาด
- มาสก์ หรือ ทรีตเมนต์ผมเป็นประจำ สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
💨 ซับเบาๆ เป่าลมเย็น
- หลังสระผมให้ใช้ผ้าขนหนูนุ่มๆ “ซับ” น้ำออกเบาๆ แทนการขยี้
- ตอนเป่าผมให้ใช้ลมเย็นเป่าจนเกือบแห้ง
- ฉีดสเปรย์กันความร้อนก่อนใช้ลมร้อนปิดท้ายเสมอ
- เป่าผมให้แห้งสนิทก่อนนอน
🔥 ใช้ Heat Protectant ก่อนใช้ความร้อน
- ก่อนหนีบ ไดร์ หรือหนีบตรง ให้ฉีดหรือทาสเปรย์กันความร้อนก่อนทุกครั้ง
- ช่วยลดความเสียหายเมื่อเผชิญอุปกรณ์ความร้อน
The Must-Have Items สำหรับคนยืดผม
ผมที่ผ่านการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างต้องการผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ
| ประเภท | คำแนะนำ |
|---|---|
| แชมพู และ ครีมนวด | สูตรสำหรับผมยืดโดยเฉพาะ สูตรปราศจากซัลเฟต (Sulfate-Free) pH-balanced |
| ทรีตเมนต์มาสก์ | มองหาส่วนผสมสำคัญ เช่น Keratin, Argan Oil, Coconut Oil, Biotin ที่ช่วยเติมโปรตีนและความชุ่มชื้น |
| ลีฟออน คอนดีชั่นเนอร์ (Leave-on Conditioner) และ เซรั่ม | ใส่หลังสระผมเพื่อป้องกันความร้อน ลดผมชี้ฟู และเพิ่มความเงางาม |
| สเปรย์ป้องกันความร้อน (Heat Protectant) | ใช้ก่อนหนีบ ไดร์ หรือหนีบตรงทุกครั้ง |
Daily Do’s and Don’ts
✅ Do: ใช้ปลอกหมอนผ้าไหมหรือผ้าซาติน เพื่อลดแรงเสียดสีตอนนอน
❌ Don’t: ไม่มัดผมแน่น หรือ รวบตึงบ่อย
✅ Do: ปกป้องเส้นผมจากแสงแดด น้ำคลอรีนหรือน้ำทะเล เพราะจะทำให้ผมแห้งและเสียได้
❌ Don’t: หวีผมขณะเปียกด้วยหวีซี่ถี่ ควรใช้หวีซี่ห่างหรือนิ้วมือสางเบาๆ ก่อน

Long-Term Maintenance – วิธีดูแลผมยืด ระยะยาว
- เล็มปลายผมเป็นประจำ: ทุกๆ 2-3 เดือน เพื่อกำจัดผมแตกปลายและช่วยให้ผมดูสุขภาพดี
- การยืดโคนผม (Touch-ups): เมื่อผมใหม่งอกยาวออกมา (ประมาณ 4-6 เดือน) ควรปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อยืดเฉพาะส่วนโคนผมที่งอกใหม่เท่านั้น
ฟื้นฟูผมยืดที่เริ่มเสีย
- หยุดใช้ความร้อน เครื่องหนีบ หรือไดร์ชั่วคราว
- ใช้มาสก์ฟื้นฟูเข้มข้น เติมความชุ่มชื้น
- ไปเคลือบผม หรือทำทรีตเมนต์ที่ร้านทำผมทุก 1-2 ครั้งต่อเดือน
- ดูแลหนังศีรษะให้สุขภาพดีเพื่อให้รากผมแข็งแรง
เมื่อไหร่ควรเข้าร้านทำทรีตเมนต์บ้าง?
แม้ว่าคุณจะดูแลผมยืดเองที่บ้านอย่างดีแล้ว แต่ก็ยังมีช่วงเวลาที่การเข้าร้านทำ ทรีตเมนต์ผมโดยผู้เชี่ยวชาญ จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า เพราะผลิตภัณฑ์ในร้านมักมีความเข้มข้นสูงกว่า และเทคนิคการนวดหรือเครื่องมือเฉพาะจะช่วยฟื้นฟูได้ลึกกว่า
สัญญาณที่ควรเริ่มจองทรีตเมนต์
- ผมแห้งเสียจนมาสก์ที่บ้านเอาไม่อยู่
- ผมเริ่ม คืนหยิก หรือกลับมาหยักศกเร็วกว่าปกติ
- หนังศีรษะเริ่มมีอาการคัน ลอก หรือระคายเคือง
- ผมขาดหลุดร่วงเวลาหวีมากกว่าปกติ
- สัมผัสผมแล้วรู้สึกสาก ไม่ลื่นเหมือนเดิม
ทรีตเมนต์แนะนำสำหรับผมยืด
- Keratin Treatment – เติมเคราตินให้โครงสร้างผมแน่นและลื่นขึ้น
- Protein Reconstructor – สำหรับผมที่เสียลึกจากสารเคมี
- Herbal Detox Hair Spa – ฟื้นฟูหนังศีรษะ ลดการอักเสบหรือรังแค
- Ozone – เติมความชุ่มชื้นและล็อกคุณค่าสารบำรุง
หัวใจของการดูแลผมยืดมีเพียง 3 อย่าง คือ “ความอ่อนโยน” “การเติมความชุ่มชื้น” และ “การป้องกัน”
การมีผมยืดที่ดูตรง เงางาม และมีสุขภาพดีเป็นไปได้ ถ้าคุณเข้าใจ กลไกเบื้องหลังการยืด และมีรูทีนการดูแลที่เหมาะสม การเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน และการปฏิบัติตามเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ จะช่วยให้คุณรักษาผมยืดได้สวยยาวนาน
หวังว่าบทความนี้ช่วยให้คุณมีแนวทางชัดเจนสำหรับ วิธีดูแลผมยืด อย่างถูกวิธีค่ะ ✨
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ควรใช้แชมพูสูตร Sulfate-Free หรือแชมพูที่มีค่า pH เป็นกลาง (pH 4.5–5.5) เพื่อป้องกันไม่ให้เกล็ดผมถูกเปิดออกและลดการชะล้างน้ำมันธรรมชาติของเส้นผม ซึ่งจะช่วยให้ผมยืดยังคงเงางามและไม่แห้งเสียเร็ว
〰️
ไม่จำเป็นต้องสระผมทุกวัน โดยทั่วไปแนะนำให้สระ 2–3 ครั้งต่อสัปดาห์ ก็เพียงพอ เพื่อรักษาสมดุลความชุ่มชื้นและไม่รบกวนโครงสร้างผมที่ถูกปรับด้วยสารเคมี การใช้แชมพูแห้งหรือ dry shampoo ในระหว่างวันก็เป็นทางเลือกที่ดีค่ะ
〰️
ผมที่ยืดแล้วจะตรงเฉพาะ ส่วนที่ผ่านเคมี เท่านั้น หากเส้นผมใหม่งอกขึ้นมา จะยังคงมีลักษณะธรรมชาติเหมือนเดิม (เช่น หยักศกหรือหยิก) นอกจากนี้ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีซัลเฟต ความร้อน หรือการดึงรั้งผมบ่อย ๆ ก็อาจทำให้ผมเสียสมดุลและคลายตัวได้เร็วขึ้น
〰️
เส้นผมที่ผ่านการยืดจะสูญเสียความชุ่มชื้นและโปรตีนบางส่วน จึงควรเน้นการฟื้นฟูด้วย
✨ มาสก์เคราตินหรือโปรตีนทุกสัปดาห์
🧴 ใช้เซรั่มบำรุงปลายผมหลังสระ
☀️ หลีกเลี่ยงความร้อนและแสงแดดโดยตรง
🧺 ใช้ปลอกหมอนผ้าไหมลดแรงเสียดสีตอนนอน
〰️
หากปลายผมแตก ปลายแห้งกรอบมากจนจับแล้วรู้สึกแข็งหรือสาก ขาดง่ายแม้แค่หวีเบา ๆ แสดงว่าโครงสร้างผมเสียหายจนไม่สามารถฟื้นฟูได้ แนะนำให้ ตัดออกอย่างน้อย 1–2 นิ้ว เพื่อเปิดทางให้เส้นผมสุขภาพดีใหม่งอกขึ้น และช่วยให้ผมดูเรียบร้อยเป็นทรงมากขึ้นด้วยค่ะ
แหล่งอ้างอิง
- Gavazzoni Dias, M. F. R. (2015). Hair Cosmetics: An Overview. International Journal of Trichology. doi: 10.4103/0974-7753.153450
- Lee, Y., et al. (2011). Hair Shaft Damage from Heat and Drying Time of Hair Dryer. Annals of Dermatology. doi: 10.5021/ad.2011.23.4.455
- D’Souza, P., & Rathi, S. K. (2015). Shampoo and Conditioners: What a Dermatologist Should Know?. Indian journal of dermatology. doi: 10.4103/0019-5154.156355
- Miranda-Vilela, A.L., Botelho, A.J. & Muehlmann, L.A. (2014) An overview of chemical straightening of human hair: technical aspects, potential risks to hair fibre and health and legal issues. International Journal of Cosmetic Science, 36, 2–11. doi: 10.1111/ics.12093
- Hatsbach de Paula, J.N., Basílio, F.M.A., Mulinari-Brenner, F.A. (2022) Effects of chemical straighteners on the hair shaft and scalp. An Bras Dermatol. 97(2):193-203. doi: 10.1016/j.abd.2021.02.010